วันอาทิตย์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2563

ฝากเงินผ่านธนาคาร E-Banking


ญาติติดต่อที่ธนาคารที่ห้องเยี่ยม
เอกสารที่ต้องใช้
-บัตรประชาชน
-สำเนาหน้าบัญชีธนาคาร ทุกธนาคาร ยกเว้น ธกส./ธอส.
-บัตรเยี่ยม

วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2561

ประวัติเรือนจำกลางสุราษฎร์ธานี

เรือนจำกลางสุราษฎร์ธานี 

ที่ตั้ง  
    เลขที่  168 หมู่ 3 ตำบลพลายวาส อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี 84160  

การบริหารราชการ 
    เรือนจำกลางสุราษฎร์ธานี เป็นราชการบริหารส่วนกลางที่อยู่ในส่วนภูมิภาค ขึ้นตรงกับกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม

อำนาจการควบคุม
    15 ปี ถึงประหารชีวิต

เขตอำนาจศาล
    -เขตอำนาจศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี  
    -เขตอำนาจศาลจังหวัดเวียงสระ  
    -เขตอำนาจศาลแขวงสุราษฎร์ธานี 
    -เขตอำนาจศาลจังหวัดทหารบกสุราษฎร์ธานี 
    -เขตอำนาจศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสุราษฎร์ธานี

ประวัติเรือนจำกลางสุราษฎร์ธานี

ผู้มีอำนาจดูแลเรือนจำ
-ผู้บัญชาการเรือนจำ เจ้าเมือง/ข้าหลวง (ผู้ว่าราชการ) เป็นผู้ดูแลความเรียบร้อยโดยทั่วไปของเรือนจำในเขตเมือง จังหวัด และอำเภอ
-พะธำมะรงค์ /พัศดี  เป็นหัวหน้าผู้คุมดูแลความเรียบร้อยประจำเรือนจำ

ตะราง/เรือนจำเมืองสุราษฎร์ธานี
1. ก่อน พ.ศ.2444 (ร.ศ.120) เป็นตะรางประจำเมือง  ตั้งอยู่ใกล้จวนเจ้าเมือง/ ข้าหลวง (ผู้ว่าราชการ) ผู้ทำหน้าที่ดูแลทุกข์สุขของราษฎร บริเวณที่ตั้งจวนเจ้าเมืองตั้งอยู่ถนนหน้าเมือง ติดกับแม่น้ำหลวง (แม่น้ำตาปี) เพราะเดิมใช้เส้นทางน้ำเป็นทางสัญจรหลัก มีหน่วยราชการต่าง ๆ ใกล้เคียงกัน เช่น สุขศาลา (โรงพยาบาล) โรงพัก ศาลากลาง ศาล  ตะรางเป็นที่สำหรับขังนักโทษของเจ้าเมือง เป็นหน่วยงานในบังคับบัญชาของผู้ว่าราชการเมือง  อยู่ใกล้แม่น้ำตาปี ประมาณ 200 เมตร  ถนนตลาดใหม่ ตำบลตลาด อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี

2. พ.ศ.2444  สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นเรือนจำตามพระราชบัญญัติลักษณะเรือนจำ ร.ศ.120 เปลี่ยนตะรางเป็นเรือนจำ ปรากฏชื่อเรือนจำตามชื่อเมือง

เรือนจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี (จวนผู้ว่าเมือง ริมแม่น้ำหลวง)
3. 13 ตุลาคม 2458  พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ตรา “พระราชบัญญัติจัดตั้งกรมราชทัณฑ์” รวบรวมการคุก การตะราง การเรือนจำ ที่กระจัดกระจายตามหัวเมืองและสังกัดกระทรวงต่าง ๆ มาเป็นภารกิจในกรมราชทัณฑ์ ประกอบกับมีการแบ่งส่วนราชการจัดขึ้นเป็นจังหวัด จึงเป็นเรือนจำประจำจังหวัด ที่มีข้าหลวง /ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นผู้บังคับบัญชา

4. 23 พฤศจิกายน 2479 หลังการปฏิรูประบบการปกครอง มีการตราพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ.2479 เรือนจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี สังกัดกรมราชทัณฑ์ เป็นราชการบริหารส่วนภูมิภาค สังกัดกระทรวงมหาดไทย 
มีข้าหลวง /ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นผู้บัญชาการเรือนจำโดยตำแหน่ง และเรือนจำบางแห่งกรมราชทัณฑ์ได้มีการแต่งตั้งผู้บัญชาการเรือนจำขึ้นเป็นการเฉพาะ

5. ในวันที่ 20 ตุลาคม 2487 เรือนจำจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้รับตัวนักโทษคดีกบฏบวรเดชจากเรือนจำเกาะเต่าเพื่อทำการปล่อยตัวเนื่องจากมีการพระราชทานอภัยโทษนักโทษการเมือง

6.ประมาณ พ.ศ.2488 กรมราชทัณฑ์เตรียมการย้ายเรือนจำจากข้างจวนผู้ว่าราชการ เนื่องจากเป็นเรือนจำเก่าแก่ มีขนาดพื้นที่ประมาณ 2 ไร่เศษ จำนวนนักโทษเพิ่มมากขึ้น ชุมชนเมืองมีความหนาแน่น จึงได้ทำการก่อสร้างอาคารที่ทำการของเรือนจำขึ้นที่ดอนนก ตำบลมะขามเตี้ย ที่เป็นสนามบินเก่า (ปัจจุบันติดเขตตำบลตลาด)


เรือนจำเก่าถนนตลาดใหม่ กำแพงเป็นสังกะสี
    ข้อมูลจาก พระเวียง  กุสลจิตโต  (นายเวียง ทะเขียว) อายุ 88 ปี (พ.ศ.2553)  ข้าราชการบำนาญ  อดีตเคยรับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนวิสามัญในตำแหน่ง ผู้คุมตรี ณ เรือนจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2496 ให้ข้อมูลว่า เรือนจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีเนื้อที่ภายในเรือนจำประมาณ  2  ไร่เศษ มีเรือนนอนชาย เป็นเรือนนอนไม้ชั้นเดียว ใต้ถุนโล่ง  2  หลัง  เรือนนอนหญิง  1 หลัง กำแพงสังกะสี ในสมัยนั้นมี  ร้อยตรี พยนต์  เปรมเดชา เป็นพัศดี บ้านพักพัศดีอยู่บริเวณจวนผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีผู้คุมชาย ประมาณ  10  คนไม่มีผู้คุมหญิง  มีผู้ต้องขังประมาณ  600  คน มีผู้ต้องขังหญิงประมาณ 2 – 3 คน

เรือนจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี (สนามบินเก่า ดอนนก)
7. พ.ศ. 2497  เรือนจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ย้ายมาถนนดอนนก เลขที่  78  ถนนดอนนก  ตำบลตลาด  อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี พื้นที่บริเวณนี้เป็นสนามบินเก่า  มีเนื้อที่ทั้งหมด 17  ไร่  3  งาน  4  ตารางวา เนื้อที่ภายในเรือนจำ จำนวน  10  ไร่  4  งาน  60  ตารางวา  ขณะที่ย้ายมาในตอนแรกมีเรือนนอนชายเป็นเรือนนอนไม้    ชั้นเดียว ใต้ถุนโล่ง  2  หลัง  เรือนนอนหญิง ชั้นเดียว  1  หลัง สมัยนี้เรือนจำมีรั้วสังกะสีเป็นเขตที่อยู่ของนักโทษ ไม่มีกำแพงปูนเช่นปัจจุบัน มีร้อยตรีพยนต์  เปรมเดชา เป็นพัศดีคนแรกของเรือนจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี (ดอนนก) การฝึกวิชาชีพผู้ต้องขัง คือ ช่างไม้  ช่างจักรสาน เป็นหลัก 


     
สร้างกำแพงปูน
    ต่อมาประมาณ พ.ศ. 2516 – 2517  นายฟื้น  วิมุติพันธ์  ต่อเนื่องถึงนายวิโรจน์  วิบูลย์ศิลป์  เป็นพัศดี  ได้รับงบประมาณจากกรมราชทัณฑ์ ทำการก่อสร้างกำแพงคอนกรีตแบบถาวรความสูง 6 เมตร 

8. ผู้บัญชาการเรือนจำที่มาจากการแต่งตั้งของกรมราชทัณฑ์คนแรก
    นายวิโรจน์   วิบูลย์ศิลป์ ได้รับแต่งตั้งจากกรมราชทัณฑ์ให้เป็นผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นคนแรก (ผู้บัญชาการเรือนจำที่ได้รับการแต่งตั้งจากกรมราชทัณฑ์)


9. เรือนจำกลางประธานเขต 8
    กระทรวงมหาดไทย ได้มีคำสั่งที่ 372/2529  ลงวันที่  27  มีนาคม  2529  ให้ยกฐานะเรือนจำจังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นเรือนจำกลางสุราษฎร์ธานี สังกัดราชการบริหารส่วนกลาง  กรมราชทัณฑ์  กระทรวงมหาดไทย โดยมี นายสมบูรณ์  ประสพเนตร   เป็นผู้บัญชาการเรือนจำกลาง สุราษฎร์ธานี เป็นคน

10. ปี พ.ศ.2546  กรมราชทัณฑ์ได้ย้ายไปสังกัดกระทรวงยุติธรรม

การบริหารราชการเรือนจำกลางสุราษฎร์ธานี
    เรือนจำกลางสุราษฎร์ธานี เป็นราชการบริหารส่วนกลางที่อยู่ในส่วนภูมิภาค ขึ้นตรงกับกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม

อำนาจการควบคุม
    กำหนดโทษไม่เกิน 20 ปี

เขตอำนาจศาล
    -เขตอำนาจศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี  
    -เขตอำนาจศาลจังหวัดเวียงสระ  
    -เขตอำนาจศาลแขวงสุราษฎร์ธานี 
    -เขตอำนาจศาลจังหวัดทหารบกสุราษฎร์ธานี 
    -เขตอำนาจศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสุราษฎร์ธานี

แผนการย้ายเรือนจำออกนอกเมือง
    กรมราชทัณฑ์มีแผนเตรียมการย้ายเรือนจำเก่าที่อยู่ใจกลางชุมชน มีผู้ต้องขังหนาแน่น ออกไปนอกเมือง จึงจัดหาสถานที่ก่อสร้างเรือนจำที่บริเวณทุ่งเลี้ยงสัตว์ ป่าทุ่งเขนสาธารณประโยชน์ ตำบลพลายวาส ซึ่งเป็นที่ตั้งของเรือนจำชั่วคราวทุ่งเขนที่ไปดำเนินการสำหรับเตรียมความพร้อมผู้ต้องขังก่อนปล่อยตัวพ้นโทษอยู่แล้ว เนื้อที่ทั้งหมด 413-2-08 ไร่ โดยแบ่งพื้นที่สำหรับการก่อสร้าง จำนวน 106-0-22 ไร่ ภายใน 42 ไร่เศษ 
    เริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ.2558 แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2565 
    ก่อนการย้ายเรือนจำแห่งเดิมที่ถนนดอนนก อำเภอเมือง มีผู้ต้องขังชาย จำนวน 2,578 คน ผู้ต้องขังหญิง 263 คน อำนาจการควบคุมขณะนั้นกำหนดโทษไม่เกิน 20 ปี

    มีการย้ายผู้ต้องขังไปทำการปรับปรุงพื้นที่ ทดสอบอาคาร และปรับปรุงทัศนียภาพ รวมถึงทดสอบระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ ครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2565 จำนวน 150 คน
 

เรือนจำกลางสุราษฎร์ธานี  แห่งปัจจุบัน
11. เรือนจำกลางสุราษฎร์ธานี ได้ย้ายจากถนนดอนนก อำเภอเมือง ไปยังอำเภอกาญจนดิษฐ์ เลขที่ 168 หมู่ที่ 3 ตำบลพลายวาส แล้วเสร็จและเปิดดำเนินการวันแรกเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 มีการแบ่งการควบคุมดูแลเป็น 10 แดน ดังนี้
    - แดน 1 แดนสูทกรรม
    - แดน 2 แดนเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย /แดนกักขัง
    - แดน 3 แดนพยาบาล
    - แดน 4 แดนผู้ต้องขังรายสำคัญ
    - แดน 5 แดนควบคุมนักโทษเด็ดขาด 2
    - แดน 6 แดนความมั่นคงสูง
    - แดน 7 แดนควบคุมนักโทษเด็ดขาด 1
    - แดน 8 แดนแรกรับ
    - แดน 9 แดนหญิง
    - แดน 10 แดนการศึกษา

ปัจจุบันมีผู้ต้องขังชาย 4,201 คน ผู้ต้องขังหญิง จำนวน 505 คน รวม 4706 คน (10 ธันวาคม 2566)

วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2561

การติดต่อทางจดหมาย

จดหมาย
จดหมายของผู้ต้องขังที่จะส่งออกภายนอกและจดหมายจากภายนอกเข้าเรือนจำจะต้องได้รับการตรวจสอบตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ เพื่อป้องกันการติดต่อสื่อสารที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของเรือนจำ หรือการลักลอบกระทำผิดกฎหมาย

ผู้ต้องขังสามารถติดต่อทางจดหมายกับบุคคลภายนอกได้กับทุกคน โดยมีระเบียบการติดต่อโดยวิธีเขียนจดหมายคือ
- เขียนได้ไม่เกิน ๑๕ บรรทัด กระดาษขาว ขนาด เอ ๔ จำนวน ๑ แผ่น
- ไม่มีลวดลาย
- ไม่มีวัสดุสอดแทรกเข้ามา

พัสดุ
- เรือนจำไม่รับพัสดุจากภายนอก
  ยกเว้นเอกสารทางคดีหรือเอกสารอื่นที่เรือนจำพิจารณาเห็นว่าเป็นสิทธิหรือประโยชน์ของผู้ต้องขัง
(ให้เขียนไว้ที่ซองว่าเป็นเอกสารชนิดใด)

ขั้นตอนการตรวจรับส่งจดหมาย
เรือนจำจะรับและส่งจดหมายให้ผู้ต้องขังสัปดาห์ละ ๑ ครั้ง

จากภายใน
-เจ้าหน้าที่ตรวจสอบให้เป็นไปตามระเบียบ
-นำไปส่งที่ไปรษณีย์

จากภายนอก
-เจ้าหน้าที่รับจากไปรษณีย์
-ตรวจสอบ
-นำจ่ายแก่ผู้ต้องขัง

การรับฝากเงินและพัสดุ



ผู้ต้องขังมีเงินในบัญชีได้ไม่เกิน 15,000 บาท
ถอนใช้ได้ไม่เกินวันละ 500 บาท
ญาติสามารถส่งธนาณัติมาให้ผู้ต้องขังได้

ระบุ
       ชื่อ - นามสกุล ผู้ต้องขัง

       ที่อยู่
       เรือนจำกลางสุราษฎร์ธานี
       168 หมู่ 3 ต.พลายวาส อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี  84160

สั่งจ่าย
       ปณ.กาญจนดิษฐ์

ขั้นตอนการดำเนินการ
เรือนจำจะไปเบิกธนาณัติสัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยมีขั้นตอนดังนี้
-เมื่อเรือนจำได้รับธนาณัติ จะให้ผู้ต้องขังลงนามรับทราบ และมอบฉันทะให้ฝ่ายสวัสดิการผู้ต้องขังไปดำเนินการเบิกแทน
-ฝ่ายสวัสดิการผู้ต้องขังขออนุญาตผู้บัญชาการเรือนจำ
-นำเงินมาเข้าบัญชีให้กับผู้ต้องขังและให้ผู้ต้องขังลงนามรับทราบอีกครั้งจึงจะสามารถเบิกจ่ายได้

ขั้นตอนทั้งหมดอาจใช้เวลา 2 สัปดาห์




การเข้าเยี่ยมของคู่สามีภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส

ทำความเข้าใจกันก่อน
เรือนจำกลางสุราษฎร์ธานี มีผู้ต้องขังในความควบคุมเป็นจำนวนมากอยู่ในระดับหนาแน่น
และเคยประสบปัญหาเรื่องยาเสพติด และถูกมองว่าเป็นแหล่งติดต่อซื้อขายยาเสพติดรายใหญ่
และได้ดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อกำจัดปัญหาเหล่านี้ให้หมดสิ้นไปจากเรือนจำกลางสุราษฎร์ธานี และประสบความสำเร็จแล้ว

อย่างไรก็ตามเพื่อมิให้เกิดปัญหาขึ้นอีกเช่นในอดีต จึงได้เข้มงวดวางมาตรการอย่างต่อเนื่อง เพื่อมิให้ลูกหลานหรือญาติของท่านต้องกลับเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าวอีก อันจะกระทบต่อเรือนจำ สังคม ประเทศชาติ และที่สำคัญคือตัวผู้ต้องขังผู้เป็นที่รักของท่านนั่นเอง

เครือข่ายยาเสพติดในอดีตเคยใช้ห้องเยี่ยมเป็นที่ติดต่อผู้ต้องขังสั่งยาเสพติดภายนอกเรือนจำ และสั่งเข้ามาภายในเรือนจำ ทำให้เกิดการซื้อขาย เสพ ทวงหนี้ การข่มขู่ญาติ และเป็นปัญหาด้านความมั่นคง

ดังนั้นเพื่อเป็นการคัดกรองบุคคลที่จะติดต่อกับผู้ต้องขังจึงจำเป็นต้องตรวจสอบหลักฐานของญาติที่แสดงความสัมพันธ์ทางครอบครัวที่ออกให้โดยทางราชการ ซึ่งเรือนจำเชื่อว่าบุคคลเหล่านี้คือผู้หวังดีและจะช่วยเป็นกำลังให้ผู้ต้องขังรักษาระเบียบวินัย กระทำแต่ความดี กลับตนเป็นคนดี เข้าเยี่ยมได้ครั้งละไม่เกิน ๑๐ คน ได้แก่

๑. บิดา/มารดา
๒. ภรรยา/สามี
๓. บุตร
๔. พี่/น้อง

อย่างไรก็ตามในอดีตก็ยังมีสามีหรือภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียน มาแอบอ้างขอเยี่ยมผู้ต้องขังลักลอบติดต่อกระทำผิดกฎหมาย
บุคคลกลุ่มนี้จะหมุนเวียนสับเปลี่ยนกันมาติดต่ออ้างว่าอยู่กินกันฉันท์สามีภรรยาโดยมิได้จดทะเบียน
ผู้ต้องขังบางคนมีสามีภรรยาที่มิได้จดทะเบียนกันหลายคนทำให้ไม่สามารถตรวจสอบได้จากฐานข้อมูลทะเบียนภาครัฐ  จึงเป็นปัญหาในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ จนกระทบถึงคนที่อยู่มิได้จดทะเบียนแต่อยู่กินกันจริง ๆ

เรือนจำเคยอนุญาตให้ผู้นำท้องถิ่นรับรองการอยู่กินกันฉันท์สามีภรรยา แต่ก็มีปัญหาที่บางครั้งผู้นำท้องถิ่นเป็นผู้ใกล้ชิดกับผู้ต้องขัง หรือผู้นำท้องถิ่นเองถูกข่มขู่ จึงได้ยกเลิกไปคงให้ใช้เอกสารใบทะเบียนสมรสจากนายทะเบียนอำเภออย่างเดียวจนถึงปัจจุบัน

แนวทางกรมราชทัณฑ์ในการจดทะเบียนสมรสของผู้ต้องขัง
กรมราชทัณฑ์ได้ให้แนวทางไว้ว่า กรณีการสมรสกันระหว่างผู้ต้องขังกับผู้ต้องขังหรือบุคคลภายนอก มิได้เป็นหน้าที่โดยตรงของกรมราชทัณฑ์แต่อย่างใด
ตามกฎหมายเป็นหน้าที่ของนายทะเบียนสำนักทะเบียนอำเภอ ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการจดทะเบียนครอบครัว พ.ศ.๒๕๔๑ ซึ่งได้กล่าวถึงการจดทะเบียนนอกสำนักทะเบียนไว้ด้วย  
สิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๕ ครอบครัว ลักษณะ ๑ การสมรส

เรือนจำจึงมีหน้าที่เพียงอนุเคราะห์ตามสมควร

ตามระเบียบและกฎหมายเรื่องการสมรส มีเจตนาเพื่อให้บุคคลใช้ชีวิตร่วมกันและคุ้มครองให้บุคคลมีเสรีภาพตามกฎหมาย และมีสิทธิ์ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้

จดทะเบียนเพื่อวัตถุประสงค์นี้เท่านั้น
หากเห็นว่าบุคคลใดต้องการจะจดทะเบียนสมรสให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย เช่น เพื่อให้บุตรใช้สิทธิ์บางอย่าง เพื่อดูแลทรัพย์สิน ทำนิติกรรม เรือนจำจึงจะจะอนุเคราะห์ให้ทำการจดทะเบียนในเรือนจำ หากไม่มีวัตถุประสงค์ตามที่ว่านี้จะไม่อนุญาตให้ดำเนินการ

ขั้นตอนการจดทะเบียนนอกสำนักทะเบียน หรือในเรือนจำ
-เจ้าภาพหลักในการจดทะเบียนในเรือนจำคือ ฝ่ายทัณฑปฏิบัติ
-ผู้ต้องขังที่จะทำการจดทะเบียนจะต้องยินยอมแล้ว
-ผู้ประสงค์จะขอจดทะเบียนสมรสกับผู้ต้องขัง จะต้องประสานกับนายทะเบียนเพื่อขอดำเนินการนอก-สำนักทะเบียน และทำเป็นหนังสือแจ้งมายังเรือนจำ
-เรือนจำจะดำเนินการพิจารณาและขออนุญาตกรมราชทัณฑ์
-เมื่อกรมราชทัณฑ์อนุญาตแล้วเรือนจำจะประสานและอำนวยความสะดวกในการเข้ามาภายในเรือนจำ

หากจะจดทะเบียนสมรสเพื่อเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังอย่างเดียว จะไม่อนุญาตให้ดำเนินการได้

การเยี่ยมโดยไม่มีทะเบียนสมรส
หากไม่มีทะเบียนสมรส ยังสามารถใช้เอกสารต่อไปนี้ยื่นได้
- การใช้สำเนาสูติบัตรบุตร
- หนังสือฝากครรภ์

การที่เรือนจำได้ออกระเบียบไว้เพื่อให้การเยี่ยมญาติมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ปราศจากอคติ และเจ้าหน้าที่มีแนวทางการทำงานที่ชัดเจน อย่างไรก็ตามหากมีปัญหาการเยี่ยมหรือมีความจำเป็นต้องติดต่อผู้ต้องขัง ก็อยู่ในดุลยพินิจของผู้บัญชาการเรือนจำที่ได้มอบอำนาจให้ผู้อำนวยการส่วนสวัสดิการผู้ต้องขังเป็นผู้ปฏิบัติราชการแทน  สามารถติดต่อได้ด้วยตนเอง

เบอร์โทรศัพท์ติดต่อห้องเยี่ยม  ๐-๗๗๒๗-๒๑๕๔ ต่อ ๑๐๙

วันเสาร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2561

เรือนจำกลางสุราษฎร์ธานี


ติดต่อ : เรือนจำกลางสุราษฎร์ธานี 
เลขที่ 168 หมู่ 3  ตำบลพลายวาส  อำเภอกาญจนดิษฐ์   จังหวัดสุราษฎร์ธานี 84160
โทรศัพท์ 0-77272154  โทรสาร 0-7728-3773